วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557
รักข้ามภพ
ผมมีเรื่องที่เล่าให้ผู้อ่านทุก ท่านรับทราบถึงสิ่งอัศจรรย์ที่ผ มได้สัมผัสมา เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ เมื่อต้นปี ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวป่าแถบตะวั นออก ผมไปเพียงคนเดียวเพราะอยากแสวงห าความสงบทำอะไรได้ตามความปรารถน า ไปสัมผัสกับธรรมชาติตามความต้อง การ ซึ่งมานานแล้ว เมื่อเข้าเขตป่าผมต้องเดินทางด้ วยเท้า ผมมีเพียงกระเป๋าสะพายหลังใบเดี ยวกับเงินจำนวนหนึ่ง มืดที่ไหนผมก็จะอาศัยวัดเป็นที่ หลับนอนเรื่อยไป ผมได้สัมผัสกับธรรมชาติตามความป รารถนา ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก สัตว์ป่า ภูเขา ดอกไม้ป่านานาพรรณ ได้พบปะกับชาวป่าที่มีน้ำใจงาม ความสงบ สดชื่น จากป่าอีกนับไม่ถ้วน เมื่อผมใช้ชีวิตอยู่ในป่าประมาณ เดือนแล้ว ผมตั้งใจว่าอีกสองวัน ผมจะเดินทางกลับกรุงเทพฯก่อนที่ ผมจะกลับหนึ่งวัน วันนั้นผมไปเที่ยวน้ำตกแห่งหนึ่ งเป็นสถานที่สุดท้าย น้ำตกนั้นไม่มีชื่อ เป็นน้ำตกที่สูง น้ำมาก อยู่ในป่าลึก ปกคลุมไปด้วยป่าไม้ผมเล่นน้ำตกอ ยู่หลายชั่วโมงขณะที่ผมเล่นน้ำต กอยู่นั้น ผมเหลือบไปเห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ ่ง มีลำต้นใหญ่มาก ไม่ๆ ทราบว่าต้นอะไร ภายใต้ต้นไม้นั้นมีศาลเล็กๆเก่า ๆ ทำด้วยไม้แบบง่ายๆ ตั้งอยู่หลังจากที่ผมเล่นน้ำตกจ นบ่ายแล้วผมก็เดินขึ้นจากน้ำตกน ั้นไป ผมได้เข้าไปใกล้ศาลนั้นทำความสะ อาดศาล และนำน้ำดื่มของผมติดตัวมา มากล่าวถวายให้ผู้อยู่ในศาลนั้น ขอให้ผู้ที่อยู่ในศาลนี้ ได้รับทราบถึงการเครพบูชาและรับ สิ่งของที่ผมบูชา ขอให้ท่านอยู่เป็นสุขตลอดไป แล้วผมก็จากศาลนั้นไป ผมตั้งใจว่าจะเดินทางไปพักที่วั ดซึ่งอยู่ห่างจากน้ำตกนั้นประมา ณ สามกิโลเมตร เมื่อผมเดินทางจากน้ำตกนั้นประม าณสองกิโลเมตรกว่า ก็ใกล้มืดแล้วผมก็รีบเร่งเท้าจน เกือบวิ่ง เพราะผมไม่ทราบว่ามีอันตรายอันใ ดเกิดขึ้น ขณะที่รีบเดินอย่างเร็วนั้นผมก็ เหลือบเห็นบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่งเป็นบ้านทรงไทยโบราณตั ้งอยู่ริมทางเดินผมก็ไม่ได้คิดว ่าจะพักบ้านหลังนี้เพราะอาจจะเป ็นการรบกวนเจ้าของบ้านเกินไป และความสบายใจคงไม่มีเท่ากับที่ วัด ผมกำลังจะผ่านหน้าบ้านนั้นไปผมก ็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่ง ดังมาจากบ้านนั้นว่า ‘’พ่อหนุ่มจะไปไหน’’ ผมไม่อาจจะก้าวขาต่อไปได้ เสียงชายคนนั้นเหมือนเป็นมนต์สะ กด เสียงนั้นกังวานมีความไพเราะมาก ผมเห็นชายคนนั้นนั่งอยู่บนม้าตั วเล็กๆ หน้าบ้านหลังนั้น ผมเห็นไม่ถนัด เพราะความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา แทนที่แล้ว ผมยืนนิ่งหยุดนิ่งอยู่คล้ายมนต์ สะกดสายตาก็มองไปตามต้นเสียงที่ ดังมาชายนั้นจึงถามซ้ำอีกว่า’’ พ่อหนุ่มจะไปไหน’’ เมื่อสติผมกลับมา ผมจึงตอบคำถามของชายคนนั้นเสียง ตะกุกตะกักว่า ‘’ ผมจะไปวัดที่อยู่ข้างหน้าเพื่ออ าศัยนอนครับ’’ ชายนั้นพูดว่า’’ พ่อหนุ่ม วัดที่จะไปพักนั้นอยู่อีกไกล กว่าจะไปถึงก็มืดแล้วอันตรายจาก ป่ามีมาก พ่อหนุ่มพักกับฉันที่นี่ดีกว่า ‘’ ผมตอบชายนั้นว่า ‘’ผมเกรงใจครับ ผมไปพักที่วัดซึ่งอยู่ข้างหน้าด ีกว่าครับประมาณกิโลเดียวผมวิ่ง สิบนาทีก็ถึงครับ ‘’ ชายนั้นตอบว่า ‘’ เกรงอก เกรงใจอะไรกัน ฉันอยู่คนเดียวไม่ต้องเกรงใจหรอ ก พักที่บ้านฉันดีกว่า เดี๋ยวเสือหรืองูอาจทำอันตรายถึ งชีวิตได้นะอันตรายจากป่ามีมาก ‘’ พอยืนคิดอยู่ครูหนึ่ง ก็เห็นจริงตามคำพูดของชายคนนั้น ชายคนนั้นพูดสรุปว่า ‘’มาเถอะพ่อหนุ่ม มาพักที่บ้านฉันนี่แหละ’’ ผมจึงตอบตกลงชายนั้นและเดินตามช ายคนนั้นเข้าไปในบ้าน ภายในบ้านนั้นสะอาดมากประการสำค ัญที่สุดผมได้กลิ่นดอกมะลิป่าหอ มอบอวล เมื่อชายนั้นจุดตะเกียงน้ำมัน ทำให้มองเห็นสภาพในห้องนั้นอย่า งทั่วถึง สิ่งของ อุปกรณ์เครื่องใช้วางเป็นระเบีย บเรียบร้อย เป็นของเก่าโบราณมีราคาสูง เมื่อชายนั้นยกน้ำมาให้ผมดื่ม และบอกว่า ‘’ เดี๋ยวเอาข้าวมาให้นะง’ จากแสงสว่างทำให้เห็นหน้าชายนั้ นอย่างถนัด ผมถึงกับตกตะลึงตาค้างกับภาพที่ ผมเห็นชายคนนั้น ผมไม่อยากเชื่อว่า ชายนั้นเป็นมนุษย์ เพราะว่าชายนั้นผิวขาวนวลผ่องเห มือนทอง หน้าตาคมเข้ม หล่อมาก ชนิดที่ผมไม่เคยเห็นใครมีผิวพรร ณและหน้าตาดีอย่างนี้เลย ชายนั้นสูงประมาณ 180 ซม. ร่างกายกำยำ ลำสั่น บึกบึน มีหนวดเคราที่โกนสะอาดมีขนตามลำ ดับที่บ่งบอกลักษณะความเป็นชายช าตรี ใส่เสื้อกางเกงแพรสีขาวทั้งชุด ใบหน้ายิ้มตลอดเวลา มีฟันขาวเรียบเป็นระเบียบมีเขีย วเสน่ห์สองข้าง ขณะที่ผมมองดูชายนั้นยังไม่ทันไ ด้ตอบอะไร เพราะความตกตะลึงในความหล่อของช ายนั้น ชายนั้นก็จากผมเข้าไปในครัว ผมคิดอยู่ในใจว่าชายคนนี้เป็นมน ุษย์หรือว่าเป็นเทพบุตรแปลงร่าง ลงมากันแน่ ผมงุนงง อยู่นาน จนชายนั้นนำสำรับกับข้าวมาตั้งต รงหน้า แล้วบอกว่า ‘’ เรากินข้าวกันก่อนเถอะ เดี๋ยวจะได้พักผ่อน’’ เราทานข้าวไปคุยกันไป มีอยู่ตอนหนึ่งชายนั้นถามว่า ‘’พ่อหนุ่มชื่ออะไรล่ะ ‘’ ผมตอบว่า ‘’ บุญครับ’’ ชายนั้นพูดว่า ‘’เรียกฉันว่ามนต์ก็แล้วกัน ฉันชื่อจริงมนต์พิชิต ‘’ ผมคาดคะเนดูอายุของชายคนนั้นคงไ ม่เกิน ยี่สิบห้าปี ผมจึงเรียกพี่มนต์ ดูชายนั้นก็พอใจด้วยอาหารมื้อนั ้นอร่อยมาก เหมือนอาหารทิพย์หรืออาจจะเป็นเ พราะความหิวของผมก็ได้ หลังจากทานอาหารแล้วผมได้นอนคุย กับพี่มนต์จนดึก คุยกันหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องชีวิตของกันและกัน ผมได้นอนใกล้กับชายคนนั้นผมก็ยิ ่งได้กลิ่นหอมของดอกมะลิป่ามากข ึ้น จนผมอดถามชายนั้นไม่ได้ว่า ‘’ กลิ่นดอกมะลิป่ามาจากไหนครับ’’ พี่มนต์ตอบว่า ‘’ อยู่ข้างบ้านนี่แหละ มันมีมาก ขณะที่คุยกับอยู่นั้นไม่ทราบว่า อะไรเข้าตาผม ผมจึงบอกพี่มนต์ว่า ‘’ พี่ครับช่วยเขี่ยผงจากตาผมที’’ ชายคนนั้นนำตะเกียงมาตั้งหน้าผม ในขณะที่ผมนอนอยู่เพื่อให้พี่มน ต์เขี่ยผงได้ถนัดพี่มนต์เอามือม าจับที่ใบหน้าผมและที่ตา ก้มหน้าลงมาใกล้หน้าผมจนเกือบติ ดหน้าตาของพี่มนต์นั้นจ้องตาผมไ ม่กระพริบ เหมือนกับค้นหาคำตอบอย่างใดอย่า งหนึ่ง จนผมต้องหลบตา ยิ่งพี่มนต์เข้ามาใกล้ผม ผมยิ่งได้กลิ่นหอมของดอกมะลิป่า มากขึ้น จนแน่ใจว่า กลิ่นมะลิป่านั้นมาจากร่างของพี ่มนต์ จิตใจผมปั่นป่วนมาก เพราะพี่มนต์นั้นนอนตะแคงเอี้ยว ตัวจ้องตามผมอยู่ เพื่อเขี่ยผงได้ถนัด พี่มนต์บอกว่า มีผงอยู่ แต่ไม่มีอะไรเขี่ย จะต้องใช้วิธีนี้ พอพูดจบ พี่มนต์ก็เอาปากประกบดวงตาผม และใช้ลิ้นเขี่ยผงออก ผมรู้สึกว่าผมถูกเขี่ยออกแล้วจา กตา แต่ว่าจิตใจของผมแทบระเบิดกับกา รได้สัมผัสกับเรือนร่างของพี่มน ต์จูบตาผมอยู่นานผมเองไม่มีแรงจ ะไหวกายได้เลย ร่างกายผมอ่อนเป็นขี้ผึ้งล้นไฟพ ี่มนต์จูบทั่วใบหน้าผม หนวดเคราและขนตามหน้าอก แขน ขา สัมผัสกับผิวของผม ผมแทบจะขาดใจตายให้ได้จิตใจผมไม ่ได้อยู่กับตัวเลย เหมือนกับตัวเองล่องลอยอยู่กลาง อากาศไม่มีคำพูดใดๆทั้งสิ้นระหว ่างเรา พี่มนต์นั้นจูบทั่วหน้าผม และมาหยุดที่ริมฝีปากดูดดื่มอยู ่นานแล้วค่อยๆ เลื่อนการจูบไปตามซอก หู คอ หน้าอก บริวเณท้อง จิตใจผมตอนนั้นแทบจะไม่เหลือเลย พี่มนต์นั้นกอดผมด้วยแขนกำยำ ผมอยู่ในอ้อมกอดของพี่มนต์ ประหนึ่งทารกอยู่ในอ้อมกอดของมา รดา ได้สัมผัสกับกลิ่นหอมของดอกมะลิ ป่าอย่างอบอวล กับความกำยำล่ำสันของกล้ามเนื้อ กับขนตามร่างกายผมไม่สามารถจะทำ อะไรได้แล้ว นอกจากปล่อยใจให้กระเจิดกระเจิง ไปตามรสแห่งกามารมณ์ที่กำลังได้ รับอยู่ ผมไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่า เสื้อผ้าของเราทั้งสองหลุ่ดออกจ ากร่างกายได้เมื่อไรผมรู้แต่ว่า ผมกำลังเที่ยวท่องอยู่ในกลางสวร รค์ชั้นสูงสุด เราอยู่ในชุดวันเกิดด้วยกันทั้ง คู่ร่างกายของเราคล้ายกับว่าจะร ่วมเป็นร่างเดียวกันจากกล้ามเนื ้อตามร่างกายที่กำยำและขนที่ได้ สัมผัสแล้วผมไม่อาจจะมองหรือสัม ผัสสิ่งนั้นได้ เพราะความตื่นเต้น และอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถที่จะ แลดูหรือสัมผัสได้ด้วยมือ แต่จากการสัมผัสของร่างกายบางส่ วน ทำให้ผมรู้ได้ว่า สิ่งนั้นคือความเป็นชายชาตรีของ เขานั้นผมไม่เคยได้สัมผัสประสบก ารณ์เช่นนี้เลย จึงปล่อยไปตามการกระทำของพี่มนต ์ พี่มนต์กระซิบข้างหูว่า ‘’ จะขึ้นสวรรค์นะ’’ พอพูดจบพี่มนต์ก็เอาหมอนมารองบั ้นท้ายผมให้สูงขึ้น เรายังคงกอดกันโดยประกบกอดด้านห น้าเหมือนเดิมแต่พี่มนต์นั้นเลื ่อนตัวลงต่ำหน่อยหนึ่ง แล้วผมก็ได้เริ่มสัมผัสกับความเ ป็นชายชาตรีของพี่มนต์ พี่มนต์จะทราบว่าผมมีความรู้สึก อย่างไร เพราะกายของผมเริ่มสั่นระริดเหม ือนคนเป็นไข้พี่มนต์กอดผมแน่นเห มือนจะปลอบใจและวางความเป็นชายท ี่บั้นท้ายของผม เพื่อจะได้รู้ตัวและพร้อมที่จะร ับสิ่งที่กำลังจะมอบให้เพียงสัม ผัสส่วนปลายเท่านั้น ร่างกายของผมเริ่มสั่นสะท้านมาก ขึ้น เพราะตื่นเต้นและคิดว่าคงรับควา มเป็นชายของพี่มนต์ไม่ไหวแน่ พี่มนต์ปลอบใจผมด้วยการจูบและชะ ลอการเริ่มเกมส์อยู่ครู่หนึ่งเม ื่อเห็นว่าผมมีอาการผิดปกติแล้ว พี่มนต์เริ่มให้ความเป็นชายเข้า ไปในบั้นท้ายของผมทีละนิด ผมได้ทราบถึงความใหญ่โตมโหฬารมห ึมาของพี่มนต์ ผมคิดว่าผมคงรับไม่ไหวแน่ แต่พี่มนต์ก็หยุดเมื่อเห็นว่าผม ทนไม่ไหว แล้วค่อยขยับทีละนิดตอนนั้นผมไม ่มีสติอะไรแล้วไม่รับทราบถึงอะไ รเลย ความสุขความทุกข์ระคนกันผมไม่สา มารถจะระบายออกมาเป็นคำพูดหรือล ายลักษณ์อักษรได้ กว่าที่พี่มนต์จะผ่านความเป็นชา ยเข้าไปในบั้นท้ายผมได้จนหมดต้อ งประคับประคองทะนุถนอมอย่างมากใ ช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อต้นขาของพี่มนต์ได้สัมผัสก ับบั้นท้ายของผม บั้นท้ายของผมตึงเปร๊ยะแทบจะฉีก ขาดเมื่อความเป็นชายของพี่มนต์เ ข้าไปสุดแล้ว ผมมีความรู้สึกว่า ความเป็นชายของพี่มนต์เข้าไปในท ้องของผมเกือบถึงอก พี่มนต์จูบหน้าผมซึ่งเต็มไปด้วย น้ำตา หยุดอย่างนั้นในขณะที่เราเป็นขอ งกันและกันแสนนาน พี่มนต์กระซิบข้างหูผมว่า ‘’เสียใจหรือ’’ ผมตอบว่า’’ เปล่า’’ พี่มนต์ถามว่า ‘’ แล้วร้องไห้ทำไม’’ ผมตอบว่า ‘’ ทุกครั้งที่ผมมีความสุข ผมจะร้องไห้ ‘’ พี่มนต์ยิ่งกอดจูบผมมากขึ้นและเ ริ่มขยับความเป็นชายขึ้น ลงอย่างช้าๆ ทะนุถนอม ผมมีความเสียวกระสันอย่างมาก จนถึงสวรรค์ถึงสามครั้ง พอจะถึงสวรรค์ครั้งที่ สี่ พี่มนต์ก็ถึงสวรรค์พร้อมกับผมโด ยที่พี่มนต์เริ่มขยับขึ้น- ลงเร็วขึ้น จนกลายเป็นกระแทก เจ็บแปดครั้ง แล้วพี่มนต์ก็ถึงสวรรค์ไปโดยส่ง เสียงคราง พร้อมกับปล่อยน้ำแห่งความเป็นชา ยเข้าไปในท้องของผมอย่างมากมาย จนล้นออกมาข้างนอกผมซบอยู่อย่าง นั้นนานพอควร พี่มนต์จึงถอนความเป็นชายออกจาก บั้นท้ายผม เราไปชำระล้างร่างกายแล้วกลับมา นอนอย่างเดิมผมอยู่ในอ้อมกอดของ พี่มนต์ตลอดเวลาจนรุ่งเช้าก่อนอ รุณจะขึ้น พี่มนต์พาผมท่องสวรรค์อีกสามครั ้ง ในขณะที่ผมถึงสวรรค์ครั้งที่สาม นั้นพี่มนต์ก็ถึงพร้อมผม โดยปล่อยน้ำแห่งความเป็นชาย ล้นออกมาอีกเช่นเคย ผมระบมไปทั่วตัว แทบจะเดินไม่ได้ เพราะความแข็งแรง ความใหญ่โตมโหฬารมหึมาของเขานั้ น และใช้เวลาในการหาความสุขครั้งห นึ่งไม่ต่ำกว่า หนึ่งชั่วโมง มันเป็นความสุขที่ผมไม่เคยได้สั มผัสมาก่อนเลยในชีวิต พี่มนต์บอกกับผมว่าเขามีชีวิตอี กเพียง เจ็ดวัน เขาจะต้องเสียชีวิต เขาขอให้ผมอยู่กับเขา ผมเองมีความรักในตัวของพี่มนต์อ ีกเจ็ดวัน เพื่อเป็นการพิสูจน์คำพูดของเขา ด้วย เรามีความสุขกันตลอดเจ็ดวัน คืนของวันที่เจ็ดนั้น พี่มนต์บอกว่า ‘’ ถึงเวลาแล้ว ที่บูญจะต้องกลับบ้าน เพราะคนทางบ้านเป็นห่วง ถ้าฉันตายขอให้เผาร่างฉันด้วย และฉันขอฝากของที่ระลึกสำหรับบุ ญ ‘’ พอพูดจบ พี่มนต์ก็หยิบกล่องใบเล็กๆ ทำด้วยไม้ใบหนึ่งออกมาจากข้างฝา ซึ่งวางไว้เมื่อไรผมไม่ทราบได้ พี่มนต์ส่งกล่องนั้นให้ผม พร้อมกับจับมือผมให้รับกล่องใบน ั้น แต่สั่งว่า ให้เปิดกล่องนี้ได้เมื่อกลับไปถ ึงบ้าน แล้วคืนนั้นเรามีความสุขกันตลอด คืน จนรุ่งเช้าหลังจากธุระเสร็จเราก ็ไปเที่ยวน้ำตกที่เดิมอีก เราเล่นน้ำตกจนพอใจแล้วก็ขึ้นมา ทานอาหารและนอนพักผ่อนใกล้ๆ กับศาลนั้นที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พี่มนต์บอกว่า ‘’ ศาลนี้น่าอยู่ นะ นี่แหละบ้านฉันล่ะ ‘’ แล้วพี่มนต์ก็หัวเราะถามผมว่า ‘’ เชื่อไหมที่ฉันพูด ‘’ ผมตอบว่า’’ ไม่เชื่อหรอก เป็นไปไม่ได้ ‘’ พี่มนต์หัวเราะและบอกผมว่า ‘’ ฉันไปก่อนนะที่รัก แล้วเราจะพบกันในฝันของคืนวันพร ะ ไม่ช้าเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไ ป อย่าลืม ถ้าฉันตาย เผาร่างฉันด้วยนะลาก่อนที่รัก ‘’ ผมบอกความรู้สึกไม่ถูกคอมันตีบต ัน พูดอะไรไม่ออก จึงไม่ได้ตอบพี่มนต์แต่อย่างใด เรานอนกอดกันจนผมหลับไป พอตื่นขึ้นมาผมยังคงนอนกอดพี่มน ต์อยู่ แต่ผมหัวใจแทบวาย เพราะร่างของพี่มนต์แข็งทื่อกลา ยเป็นซากศพไปแล้ว ผมร้องไห้โฮ รออยู่พักใหญ่ เห็นว่า พี่มนต์ไม่ฟื้นแล้วผมจึงเอาฟืนม าเผาร่างของพี่มนต์ แล้วเอากระดูกเก็บไว้ในศาลนั้นเ อาน้ำและดอกมะลิป่ามาบูชาที่ศาล นั้นผมตั้งใจว่าจะเดินทางไปอาศั ยวัดนอนสักคืนหนึ่งรุ่งเช้าก็เด ินทางกลับกรุงเทพฯ ผมเดินผ่านบ้านของพี่มนต์ แต่ผมถึงกับใจหายไปได้อย่างไร ผมจำไม่ผิดแน่เพราะมีทางเดียวเม ื่อถึงวัดผมเล่าเรื่องต่างๆให้พ ระที่วัดฟังทั้งหมดพระทุกรูปบอก ว่าไม่เคยมีใครตามที่ผมบอกมา ผมก็แปลกใจมาก พอกลับมาถึงกรุงเทพฯ ผมอดนึกถึงกล่องที่พี่มนต์ให้มา ไม่ได้ พอเปิดกล่องดูผมก็ต้องตกตะลึงอี กครั้งหนึ่ง เพราะของในกล่องนั้น มันมีค่ามหาศาล มีนาฬิกาเรือนทอง เป็นทองคำจริงๆ แหวนทองคำ หัวเป็นเพชร สามวง สายสร้อยทองคำหนัก สามบาท ดอกมะลิป่าทองคำ หนึ่งดอก ผมนั่งงงอยู่นานแล้วลองใส่ดู มันพอดีไปทุกอย่าง ทุกคืนวันพระ ผมจะต้องได้พบกับพี่มนต์ในขณะคร ึ่งหลับครึ่งตื่น เรามีความสุขกันทุกครั้งผมจะเจ็ บระบมตามร่างกาย เหมือนครั้งแรกที่ได้มีความสุขก ับพี่มนต์จริงๆ ทั้งนี้มันเป็นเพียงความฝันเท่า นั้น พี่มนต์บอกผมว่า จะรับผมไปอยู่ด้วย ผมเองบอกกับพี่มนต์ว่า ยังไม่พร้อมที่จะไปตอนนี้ เพราะยังมีภาระที่จะต้องทำ พี่มนต์บอกว่าจะให้เวลาผมอีกไม่ นานแล้วพี่มนต์จะมารับผมผมไม่ทร าบว่าจะทำอย่างไรดีผมปรึกษากับใ ครเขาก็หาว่าผมเป็นบ้าหรือไง….